วันศุกร์ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

ขั้นตอนเปลี่ยนแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย #หาคนต่างด้าว

ขั้นตอนเปลี่ยนแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย คลิ๊ก


การขออนุญาตทำงาน
การขอใบอนุญาตทำงาน
“คนต่างด้าวระดับฝีมือ/ชำนาญการ”
1. การขอรับใบอนุญาตทำงาน
          คนต่างด้าวที่ประสงค์จะทำงานต้องมีวีซ่า NON - IMMIGRANT - B โดยคนต่างด้าวต้องให้นายจ้าง/สถานประกอบการจัดเตรียมและส่งสัญญาจ้างพร้อมเอกสารการดำเนินงานธุรกิจของสถานประกอบการนำไปยื่นต่อสถานทูตไทยในประเทศนั้น ๆ พิจารณาออกวีซ่า NON - IMMIGRANT - B โดยเมื่อคนต่างด้าวได้รับวีซ่านั้นแล้ว จึงเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร และยื่นขอรับใบอนุญาตทำงานตามแบบคำขอ “ตท.1
          หากสถานทูตไทยในประเทศนั้นพิจารณาเอกสารการดำเนินธุรกิจและสถานะทางการเงินของนายจ้าง/สถานประกอบการแล้วเห็นว่ายังไม่เพียงพอต่อการจ้างคนต่างด้าวเข้าทำงาน ทำให้ต้องการหนังสือจากกระทรวงแรงงานต่อไปอีก จึงให้นายจ้าง/สถานประกอบการยื่นคำขอรับใบอนุญาตทำงานแทนคนต่างด้าวตามแบบคำขอ “ตท.3” เมื่อนายจ้าง/สถานประกอบการได้รับหนังสือแจ้งการพิจารณาอนุญาตทำงานแล้ว ต้องจัดส่งหนังสือดังกล่าวพร้อมเอกสารที่เกี่ยวข้องให้คนต่างด้าวนำไปยื่นขอวีซ่า NON – IMMIGRANT - B ณ สถานทูตไทยในประเทศนั้น หลังจากนั้นคนต่างด้าวจึงเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรภายใน 30 วันนับจากวันที่รับหนังสือแจ้งผลการพิจารณาอนุญาต เพื่อยื่นขอรับใบอนุญาตทำงานพร้อมเอกสารตามที่ระบุไว้ในหนังสือแจ้งผล  
          ทั้งนี้ กรณีคนต่างด้าวที่มีใบสำคัญถิ่นที่อยู่และใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวแล้ว ให้ยื่นขอรับใบอนุญาตทำงานตามแบบคำขอ “ตท.1” โดยไม่ต้องดำเนินการขอวีซ่า NON - IMMIGRANT - B 
2. คนต่างด้าวต้องไม่เป็นบุคคลที่ขาดคุณสมบัติหรือลักษณะต้องห้ามตามเงื่อนไข ดังนี้
    2.1 มีความรู้และความสามารถในการทำงานตามที่ขออนุญาต
    2.2 ไม่เป็นบุคคลวิกลจริตหรือมีจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ
    2.3 ไม่เป็นผู้เจ็บป่วยด้วยโรคเรื้อน วัณโรคในระยะอันตราย โรคเท้าช้างในระยะปรากฏอาการอันเป็นที่รังเกียจแก่สังคม โรคติดยาเสพติดให้โทษอย่างร้ายแรง โรคพิษสุราเรื้อรัง และโรคซิฟิลิสในระยะที่ 3
    2.4 ไม่เคยต้องโทษจำคุกในความผิดตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองหรือกฎหมายว่าด้วยการทำงานของคนต่างด้าวภายในระยะเวลาหนึ่งปีก่อนวันขอรับใบอนุญาต
3. คนต่างด้าวต้องไม่ขอทำงานตามพระราชกฤษฎีกากำหนดงานในอาชีพและวิชาชีพที่ห้ามคนต่างด้าวทำ พ.ศ. 2522 จำนวน 39 อาชีพ (เรียกดูข้อมูลในเมนู “ข้อมูลเผยแพร่”) 
4. หลักเกณฑ์การพิจารณาออกใบอนุญาตทำงานให้คนต่างด้าว โดยคำนึงถึง
    - ความมั่นคงภายในราชอาณาจักรด้านการเมือง ศาสนา เศรษฐกิจและสังคม
    - โอกาสในการประกอบอาชีพของคนไทย และความต้องการแรงงานต่างด้าวที่จำเป็นต่อการพัฒนาประเทศ
      (ตัวอย่างเช่น คนต่างด้าว 1 คนต้องจ้างงานพนักงานคนไทยทำงานประจำ 4 คน)
    - ประโยชน์จากการอนุญาตให้คนต่างด้าวทำงานในตำแหน่งงานนั้น เช่น การนำเงินตราต่างประเทศเข้ามาลงทุนหรือใช้จ่ายในประเทศเป็นจำนวนมาก การจ้างงานคนไทยจำนวนมาก หรือการพัฒนาทักษะฝีมือคนไทยซึ่งได้รับการถ่ายทอดจากคนต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตให้ทำงาน
5. การกำหนดจำนวนการพิจารณาออกใบอนุญาตทำงาน
    5.1 นายจ้างที่มีขนาดการลงทุนจากทุนจดทะเบียนชำระแล้วไม่ต่ำกว่า 2 ล้านบาท หรือจดทะเบียนนิติบุคคลในต่างประเทศนำเงินจากต่างประเทศเข้ามาลงทุนไม่ต่ำกว่า 3 ล้านบาท ออกใบอนุญาตทำงานให้ 1 คน และให้เพิ่มขึ้นหนึ่งคนต่อขนาดการลงทุนทุก 2 หรือ 3 ล้านบาท เว้นแต่คนต่างด้าวมีคู่สมรสเป็นคนไทยซึ่งจดทะเบียนสมรสโดยถูกต้องตามกฎหมาย ขนาดของการลงทุนลดลงกึ่งหนึ่ง ทั้งนี้ไม่เกิน 10 คน /หรือ
    5.2 การออกใบอนุญาตให้คนต่างด้าวทำงานกับนายจ้าง/สถานประกอบการดังต่อไปนี้ จำนวนของการออกใบอนุญาตทำงานเป็นไปตามความจำเป็นและเหมาะสม
          - ดำเนินธุรกิจส่งออกสินค้าไปต่างประเทศและนำเงินตราต่างประเทศเข้าประเทศไม่น้อยกว่าสามสิบล้านบาทขึ้นไปในปีที่ผ่านมา /หรือ
          - ดำเนินธุรกิจท่องเที่ยว ซึ่งนำชาวต่างประเทศเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไม่น้อยกว่าห้าพันคนในรอบปีที่ผ่านมา /หรือ
          - สถานประกอบการมีการจ้างงานคนไทยไม่น้อยกว่าหนึ่งร้อยคน /หรือ
          - เป็นงานที่ใช้เทคโนโลยีซึ่งคนไทยทำไม่ได้หรือใช้ความรู้ความชำนาญเฉพาะทางเพื่อให้งานสำเร็จภายใต้โครงการที่มีระยะเวลาแน่นอน /หรือ
          - สถานประกอบการชำระภาษีเงินได้ให้แก่รัฐในรอบปีที่ผ่านมาไม่น้อยกว่า ๓ ล้านบาท /หรือ
          - หน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ และองค์การมหาชนตามกฎหมายว่าด้วยองค์การมหาชน หรือคนต่างด้าวตามที่มีหนังสือรับรองจากหน่วยงานดังกล่าว /หรือ
          - สถาบันการศึกษาของเอกชน ซึ่งมีหนังสือแต่งตั้งให้เป็นครู/ผู้สอน/บุคลากรทางการศึกษาตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน กฎหมายว่าด้วยสถาบันอุดมศึกษาเอกชน /หรือ
          - มูลนิธิ สมาคม หรือองค์กรอื่นที่มีวัตถุประสงค์ไม่แสวงหากำไรในทางเศรษฐกิจหรือเป็นประโยชน์ต่อสังคมโดยส่วนรวม /หรือ
          - กิจการบันเทิง มหรสพ ดนตรี ซึ่งมีลักษณะการจ้างงานเป็นครั้งคราวมีระยะเวลากำหนดไว้แน่นอน /หรือ
          - อื่น ๆ ตามที่กำหนดไว้ในระเบียบกรมการจัดหางานว่าด้วยหลักเกณฑ์การพิจารณาอนุญาตการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2552 (เรียกดูข้อมูลในเมนู “ข้อมูลเผยแพร่”)
หมายเหตุ  พิจารณารายได้ขั้นต่ำของคนต่างด้าวประกอบด้วย (ตามตารางเงินได้ในหัวข้อที่ 16)
6. อายุของใบอนุญาตทำงาน พิจารณาอนุญาตให้ตามความจำเป็นของงานหรือตามที่ขอ ทั้งนี้ไม่เกิน 2 ปี/ครั้ง
7. การต่ออายุใบอนุญาตทำงาน คนต่างด้าวผู้รับใบอนุญาตทำงาน หากประสงค์จะทำงานนั้นต่อไป ต้องไปขอต่ออายุวีซ่าจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองก่อน แล้วจึงให้ยื่นคำขอต่ออายุใบอนุญาตทำงานตามแบบคำขอ “ตท.5” โดยต้องยื่นแบบคำขอก่อนสิ้นอายุการอนุญาต ทั้งนี้ “ใบอนุญาตทำงานที่สิ้นอายุแล้วไม่สามารถต่ออายุได้”
8. การเปลี่ยนหรือเพิ่ม การทำงาน สถานที่ และท้องที่ในการทำงาน คนต่างด้าวผู้ถือใบอนุญาตทำงานที่ยังคงทำงานกับนายจ้าง/สถานประกอบการที่อนุญาตไว้เดิม หากมีความประสงค์ดังกล่าว ยื่นขออนุญาตตามแบบคำขอ “ตท.6” 
9. การเปลี่ยนนายจ้าง/สถานประกอบการ คนต่างด้าวต้องไปติดต่อสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเพื่อลงตรา VISA พ้นหน้าที่เดิมและขออยู่ต่อในราชอาณาจักรอีก 7 วัน หรือเดินทางออกนอกราชอาณาจักรไปขอ Non - Immigrant VISA ใหม่จากสถานทูตไทย แล้วจึงยื่นขอใบอนุญาตทำงานใหม่ ตามแบบคำขอ “ตท.1” เพื่อทำงานกับนายจ้าง/สถานประกอบการใหม่ก่อน VISA หมดอายุ
10. คนต่างด้าวผู้ถือใบอนุญาตทำงานประสงค์จะมีการเปลี่ยนแปลง ชื่อ - นามสกุล สัญชาติ ลายมือชื่อ การย้ายที่อยู่อาศัยของคนต่างด้าว ชื่อสถานประกอบการ รายละเอียดของสถานประกอบการตามประกาศของทางราชการ และการเปลี่ยนหรือเพิ่มประเภทธุรกิจ ให้ยื่น “คำร้องขอแก้ไขเปลี่ยนแปลงรายการในใบอนุญาต” 
11. กรณีใบอนุญาตทำงานเดิมชำรุดในสาระสำคัญ หรือ สูญหาย ให้ยื่นคำขอรับใบแทนใบอนุญาตทำงานภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ทราบการชำรุดหรือสูญหาย ยื่นตามแบบคำขอ “ตท.4” 
12. การขอยกเลิกการอนุญาตทำงาน กรณีคนต่างด้าวผู้ถือใบอนุญาตทำงานลาออกจากงาน หรือนายจ้างให้   คนต่างด้าวนั้นออกจากงาน และหากมีความประสงค์จะแจ้งให้นายทะเบียนทราบ ยื่นแจ้งตามแบบ “ใบแจ้งยกเลิกการอนุญาตทำงาน” ภายหลังจากคนต่างด้าวออกจากงานแล้ว โดยไม่มีบทลงโทษหรือกำหนดระยะเวลาการแจ้ง
 13. การแจ้งการเข้ามาทำงานอันจำเป็นและเร่งด่วน กรณีคนต่างด้าวที่พำนักอยู่นอกราชอาณาจักรมีความจำเป็นต้องเดินทางเข้ามาเพื่อทำงานอันจำเป็นและเร่งด่วน โดยมีระยะเวลาสั้น ๆ ไม่เกิน 15 วัน ให้ยื่นแจ้งตามแบบคำขอ “ตท.10” ทั้งนี้ “งานที่เข้ามาทำนั้นต้องมีลักษณะเป็นงานอันจำเป็นและเร่งด่วนถึงขนาด ซึ่งถ้าไม่รีบทำงานดังกล่าวแล้วน่าจะเกิดความเสียหายขึ้น โดยไม่มีกำหนดการณ์ล่วงหน้า และมีระยะเวลาในการทำงานแล้วเสร็จได้ภายใน 15 วัน” หมายเหตุ ไม่มีการต่ออายุให้อีก
14. สถานที่ติดต่อยื่นคำขอ ให้ดำเนินการ ณ ท้องที่อันเป็นที่ตั้งของสถานที่ทำงานของผู้ยื่นคำขอ ดังนี้
      - กรุงเทพมหานคร ติดต่อ สำนักบริหารแรงงานต่างด้าว ชั้น 2 กรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน ถนนมิตรไมตรี ดินแดง กรุงเทพมหานคร 10400
      - ในส่วนภูมิภาค/ต่างจังหวัด ติดต่อ สำนักงานจัดหางานจังหวัดตามที่สถานประกอบการตั้งอยู่
15. อัตราค่าธรรมเนียม   
    (1) การยื่นคำขอ
ฉบับละ 100 บาท
    (2) ใบอนุญาต

          (ก) ใบอนุญาตที่มีอายุไม่เกินสามเดือน
ฉบับละ 750 บาท
          (ข) ใบอนุญาตที่มีอายุเกินสามเดือนแต่ไม่เกินหกเดือน
ฉบับละ 1,500 บาท
          (ค) ใบอนุญาตที่มีอายุเกินหกเดือนแต่ไม่เกินหนึ่งปี
ฉบับละ 3,000 บาท
     (3) การต่ออายุใบอนุญาตหรือการขยายระยะเวลาการทำงาน

          (ก) การต่ออายุใบอนุญาตหรือการขยายระยะเวลาการทำงานไม่เกินสามเดือน
ครั้งละ 750 บาท
          (ข) การต่ออายุใบอนุญาตหรือการขยายระยะเวลาการทำงานเกินสามเดือนแต่ไม่เกินหกเดือน

          (ค) การต่ออายุใบอนุญาตหรือการขยายระยะเวลาการทำงานเกินหกเดือนแต่ไม่เกินหนึ่งปี
ครั้งละ 3,000 บาท
     (4) ใบแทนใบอนุญาต
ฉบับละ 500 บาท
     (5) การอนุญาตให้เปลี่ยนหรือเพิ่มลักษณะงาน
ครั้งละ 1,000 บาท
     (6) การอนุญาตให้เปลี่ยนหรือเพิ่มนายจ้าง
ครั้งละ 3,000 บาท
     (7) การอนุญาตให้เปลี่ยนหรือเพิ่มท้องที่หรือสถานที่ทำงาน
ครั้งละ 1,000 บาท
     (8) การอนุญาตให้เปลี่ยนหรือเพิ่มเงื่อนไขในการอนุญาต
ครั้งละ 150 บาท


 16. ตารางเงินได้ท้ายคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 777/2551 ลงวันที่ 25 พฤศจิกายน 2551 ตามหลักเกณฑ์ ข้อ 2.1 (2)
  
สัญชาติ
รายได้ขั้นต่ำ
1. ประเทศในทวีปยุโรป (ยกเว้นรัสเซีย) และออสเตรเลีย, แคนาดา, ญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกา
50,000 บาท/เดือน
2. ประเทศเกาหลีใต้, สิงคโปร์, ไต้หวัน และฮ่องกง
45,000 บาท/เดือน
3. ประเทศในทวีปเอเซีย (ยกเว้นญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, สิงคโปร์,ไต้หวัน, ฮ่องกง, กัมพูชา, พม่า, ลาว และเวียดนาม) และทวีปอเมริกาใต้, ประเทศในเขตยุโรปตะวันออก, ประเทศในเขตอเมริกากลาง, เม็กซิโก, ตุรกี, รัสเซีย และแอฟริกาใต้
35,000 บาท/เดือน
4. ประเทศในแอฟริกา (ยกเว้นแอฟริกาใต้), กัมพูชา, พม่า, ลาว และเวียดนาม
25,000 บาท/เดือน

ตท.1 คำขอรับใบอนุญาตทำงาน ตามมาตรา 9
ตท.2 คำขอรับใบอนุญาตทำงาน ภายใต้ MOU
ตท.3 คำขอรับใบอนุญาตทำงานแทนคนต่างด้าว ตามมาตรา 11
ตท.4 คำขอรับใบแทนใบอนุญาตทำงาน ตามมาตรา 25
ตท.5 คำขอต่ออายุใบอนุญาตทำงาน ตามมาตรา 23
ตท.6 คำขออนุญาตเปลี่ยนการทำงานหรือเปลี่ยนท้องที่ หรือสถานที่ในการทำงาน ตามมาตรา 26
ตท.10 แบบหนังสือแจ้งการเข้ามาทำงานอันจำเป็นและเร่งด่วน ตามมาตรา9
ตท.13
ตท.15
ระยะเวลาในการอนุญาต
คนต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว (NON-IMMIGRANT VISA) จะพิจารณาให้ตามความจำเป็น แต่ไม่เกิน 1 ปี และให้มีอายุเท่าระยะเวลาที่คนต่างด้าวได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรในขณะออกใบอนุญาใบอนุญาตทำงานตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน หรือตามกฎหมายอื่น (มาตรา 10) จะได้รับอนุญาตตามระยะเวลาซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอนุญาตใบอนุญาตทำงานของคนต่างด้าว ตามมาตรา 12 ซึ่งสามารถทำงานได้ 27 อาชีพตามที่รัฐมนตรีกำหนดมีระยะเวลาไม่เกิน1 ปีกรณีคนต่างด้าวได้รับอนุญาตให้เข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวโดยไม่มีกำหนดเวลาแน่นอนให้มีอายุสามสิบวันนับแต่วันออกใบอนุญาต
การต่ออายุใบอนุญาต
คนต่างด้าวจะต้องยื่นเรื่องขอต่ออายุใบอนุญาตก่อนที่ใบอนุญาตจะหมดอายุถ้าหากคนต่างด้าวยื่นภายในกำหนดเวลาแล้ว สามารถทำงานไปพลางก่อนได้จนกว่านายทะเบียนจะแจ้งผลการพิจารณาต่อใบอนุญาตหรือไม่อนุญาต  การต่ออายุใบอนุญาตจะได้รับการพิจารณาครั้งละไม่เกิน 1 ปี กรณีคนต่างด้าวทำงานเมื่อใบอนุญาตสิ้นอายุแล้ว โดยไม่ได้ยื่นคำขอต่ออายุใบอนุญาตก่อนใบอนุญาตสิ้นอายุหรือได้ยื่นคำขอแล้วแต่นายทะเบียนมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ต่ออายุใบอนุญาต และมิได้อุทธรณ์ หรืออุทธรณ์แล้วแต่รัฐมนตรีมีคำวินิจฉัยไม่อนุญาต มีความผิดจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 5,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
อาชีพที่ห้ามคนต่างด้าวทำ
การกำหนดงานในอาชีพ และวิชาชีพที่ห้ามคนต่างด้าวทำ

บัญชีท้ายพระราชกฤษฎีกา
กำหนดในอาชีพและวีชาชีพที่ห้ามคนต่างด้าวทำ
พ.ศ.2522
1. งานกรรมกร
     2. งานกสิกรรรม งานเลี้ยงสัตว์ งานป่าไม้ หรืองานประมง ยกเว้นงานที่ใช้ความชำนาญ งานเฉพาะสาขา หรืองานงานควบคุมดูแลฟาร์ม
     3. งานก่ออิฐ งานช่างไม้ หรืองานก่อสร้างอื่น
     4. งานแกะสลักไม้
     5. งานขับขี่ยานยนต์ หรืองานขับขี่ยานพาหนะที่ไม่ใช้เครื่องจักรหรือเครื่องกล ยกเว้นงานขับขี่เครื่องบินระหว่างประเทศ
     6. งานขายของหน้าร้าน
     7. งานขายทอดตลาด
     8. งานควบคุม ตรวจสอบหรือให้บริการบัญชี ยกเว้น งานตรวจสอบภายในชั่วคราว
     9. งานเจียระไน หรือขัดเพชรหรือพลอย
   10. งานตัดผม งานดัดผม หรืองานเสริมสวย
   11. งานทอผ้าด้วยมือ
   12. งานทอเสื่อ หรืองานทำเครื่องใช้ด้วยกก หวาย ปอ ฟาง หรือเยื่อไม้ไผ่
   13. งานทำกระดาษสาด้วยมือ
   14. งานทำเครื่องเขิน
   15. งานทำเครื่องดนตรีไทย
   16. งานทำเครื่องถม
   17. งานทำเครื่องทอง เครื่องเงิน หรือเครื่องนาก
   18. งานทำเครื่องลงหิน
   19. งานทำตุ๊กตาไทย
   20. งานทำที่นอนผ้าห่มนวม
   21. งานทำบัตร
   22. งานทำผลิตภัณฑ์จากผ้าไหมด้วยมือ
   23. งานทำพระพุทธรูป
   24. งานทำมีด
   25. งานทำร่มด้วยกระดาษหรือผ้า
   26. งานทำรองเท้า
   27. งานทำหมวก
   28. งานนายหน้า หรืองานตัวแทน ยกเว้น งานนายหน้าหรืองานตัวแทนในธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ
   29. งานในวิชาชีพวิศวกรรม สาขาวิศวกรรมโยธา ที่เกี่ยวกับงานออกแบบและคำนวณ จัดระบบ วิจัย วางโครงการ ทดสอบ ควบคุมการก่อสร้าง หรือให้คำแนะนำ ทั้งนี้ไม่รวมที่ต้องใช้ความชำนาญพิเศษ
   30. งานในวิชาชีพสถาปัตยกรรมที่เกี่ยวกับงานออกแบบเขียนแบบ ประมาณราคา อำนวยการก่อสร้างหรือให้คำแนะนำ
   31. งานประดิษฐ์เครื่องแต่งกาย
   32. งานปั้นหรือทำเครื่องปั้นดินเผา
   33. งานมวนบุหรี่ด้วยมือ
   34. งานมัคคุเทศก์ หรืองานจัดนำเที่ยว
   35. งานเร่ขายสินค้า
   36. งานเรียงตัวพิมพ์อักษรไทยด้วยมือ
   37. งานสาวและบิดเกลียวไหมด้วยมือ
   38. งานเสมียนพนักงานหรืองานเลขานุการ
   39. งานให้บริการทางกฎหมายหรืออรรถคดี
**หมายเหตุตามมติคณะรัฐมนตรี ผ่อนผันให้แรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง 3 สัญชาติ (พม่า ลาว และกัมพูชา)
ทำงานได้ 2 อาชีพ คือ 1. งานกรรมกร และ 2. งานรับใช้ในบ้าน
หน้าที่ของนายจ้างและคนต่างด้าว
• หน้าที่ของนายจ้าง
     - รับคนต่างด้าวที่มีใบอนุญาตทำงานกับตนเท่านั้น
     - ไม่รับคนต่างด้าวที่ไม่มีใบอนุญาตเข้าทำงานกับตน หรือทำงานที่มีลักษณะงาน หรือเงื่อนไขต่างไปจากที่กำหนดไว้ในใบอนุญาต
• หน้าที่ของคนต่างด้าว
     - ถือใบอนุญาตทำงานไว้กับตัว หรือ ณ สถานที่ทำงาน
     - ทำงาน ตามที่ระบุไว้ในใบอนุญาตทำงานเท่านั้น
     - กรณี ใบอนุญาตทำงานชำรุด สูญหาย ยื่นขอใบแทนภายใน 15 วัน
     - กรณี เปลี่ยน/เพิ่ม การทำงาน สถานที่ทำงาน ท้องที่การทำงาน หรือ นายจ้าง ต้องได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนก่อนจึงจะทำงานนั้นได้
ลักษณะความผิดและโทษ
ลักษณะความผิดและโทษเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าว
(ตามพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2551)
นายจ้าง
ลักษณะการกระทำผิด
บทลงโทษ
- รับคนต่างด้าวที่ไม่มีใบอนุญาตทำงานเข้าทำงาน
(มาตรา 27)
- ปรับตั้งแต่ 10,000 ถึง 100,000 บาท
ต่อคนต่างด้าวที่จ้าง 1 คน
(มาตรา 54)
- รับคนต่างด้าวที่มีใบอนุญาตทำงาน
แต่ไม่ได้รับอนุญาตให้ทำงานกับตน
(มาตรา 27)
- ปรับไม่เกิน 10,000 บาท
(มาตรา 54)
- ให้คนต่างด้าวที่มีใบอนุญาตทำงานกับตน
ทำงานนอกเหนือจากประเภทหรือลักษณะงาน
ที่ระบุไว้ในใบอนุญาต ณ ท้องที่ หรือสถานที่ที่ระบุไว้ในใบอนุญาต
(มาตรา 27)
- ปรับไม่เกิน 10,000 บาท
(มาตรา 54)
- ไม่ปฏิบัติตามหนังสือสอบถามหรือหนังสือ
เรียกหรือไม่ยอมให้ข้อเท็จจริง หรือไม่ส่ง
เอกสารหรือหลักฐานแก่นายทะเบียนหรือ
พนักงานเจ้าหน้าที่ โดยไม่มีเหตุอันควร
(มาตรา 48)
- ปรับไม่เกิน 10,000 บาท
(มาตรา 55)
คนต่างด้าว
ลักษณะการกระทำผิด
บทลงโทษ
- ทำงานโดยไม่ได้รับใบอนุญาต
(มาตรา 51)
- จำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับ
ตั้งแต่ 2,000 ถึง 100,000 บาท
หรือ ทั้งจำทั้งปรับ
** ในกรณีที่คนต่างด้าวซึ่งถูกกล่าวหา
ว่ากระทำความผิดยินยอมเดินทาง
กลับออกนอกราชอาณาจักรภายใน
ระยะเวลาที่กำหนด (ไม่ช้ากว่า 30 วัน)
พนักงานสอบสวนจะเปรียบเทียบปรับ
และดำเนินการให้คนต่างด้าวนั้น
เดินทางกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
ก็ได้
(มาตรา 51)
- ฝ่าฝืนเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในมาตรา 9 มาตรา 13 และมาตรา 14
ไม่ทำงานตามประเภท หรือลักษณะงาน และกับนายจ้าง
ณ ท้องที่ และตามที่ได้รับอนุญาต
(มาตรา 26 วรรคแรก)
- ปรับไม่เกิน 20,000 บาท
(มาตรา 52)
- ไม่มีใบอนุญาตทำงานอยู่กับตัว หรืออยู่ ณ สถานที่ในระหว่าง
เวลาทำงาน เพื่อแสดงต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ หรือนายทะเบียน
(มาตรา 24)
- ปรับไม่เกิน 10,000 บาท
(มาตรา 53)

สิทธิการอุทธรณ์

           เมื่อยื่นขอรับใบอนุญาตทำงานและไม่ได้รับอนุญาต หรือไม่ได้รับการต่ออายุใบอนุญาต หรือไม่อนุญาตให้ทำงานอื่น หรือไม่ให้ เปลี่ยนท้องที่ หรือสถานที่ทำงาน
           ผู้ขอมีสิทธิอุทธรณ์โดยทำเป็นหนังสือยื่นต่ออธิบดีกรมการจัดหางาน ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้ทราบคำสั่งไม่อนุญาต เมื่อได้รับอุทธรณ์แล้ว ให้ผู้รับอุทธรณ์นำส่งคณะกรรมการพิจารณาการทำงานของคนต่างด้าว (รัฐมนตรีเป็นผู้แต่งตั้งตามมาตรา 24, 25, 26, 27, 28, 29) ภายใน 15 วันโดยคณะกรรมการฯ ต้องพิจารณาเสนอความเห็นต่อรัฐมนตรี ภายใน 15 วัน
           และให้รัฐมนตรีวินิจฉัยคำอุทธรณ์ภายใน30วันคำวินิจฉัยของรัฐมนตรีให้เป็นที่สุดการขอรับใบอนุญาตทำงานในการยื่นคำขอรับ ใบอนุญาตทำงานการขอต่ออายุใบอนุญาตทำงานการขอรับใบแทนใบอนุญาตทำงานและการขออนุญาตเปลี่ยนการทำงานหรือเปลี่ยนท้องที่ หรือสถานที่ในการทำงานให้ยื่นคำขอ ณ จังหวัดที่เป็นที่ตั้งสถานที่ทำงาน หรือสำนักงานของคนต่างด้าวผู้ยื่นคำขอ ดังนี้
           ในเขตกรุงเทพมหานคร ให้ยื่น ณ กองงานคนต่างด้าว กรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม ศูนย์ควบคุมแรงงานต่างชาติ หรือศูนย์บริการวีซ่า แล้วแต่กรณี
           เมื่อใบอนุญาตทำงานชำรุดในสาระสำคัญหรือสูญหาย ต้องยื่นขอใบแทนใบอนุญาตภายใน 15 วันนับแต่วันที่ทราบการชำรุด หรือสูญหาย (มาตรา 19) ผู้ฝ่าฝืนมีโทษปรับไม่เกิน 500 บาทตาม มาตรา 36
           เมื่อเลิกทำงานต้องคืนใบอนุญาตทำงานให้แก่นายทะเบียนในท้องที่จังหวัดที่ตั้งสถานที่ทำงานภายใน 7 วันนับแต่วันเลิกทำงาน (มาตรา 20) ผู้ฝ่าฝืนมีโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท ตามมาตรา 35 ต้องทำงานตามที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น
           หากประสงค์จะทำงานอื่น หรือเปลี่ยนท้องที่ หรือสถานที่ในการทำงานต้องได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนก่อน (มาตรา 21) ผู้ฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือนหรือปรับไม่เกิน 2,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ ตามาตรา 38
           คนต่างด้าวที่ได้รับการขยายระยะเวลาการทำงานตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน หรือตามกฎหมายอื่นต้องแจ้ง ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับการขยายระยะเวลา (มาตรา 14) ผู้ฝ่าฝืนมีโทษปรับไม่เกิน 500 บาทตามมาตรา 36ก่อนใบอนุญาตสิ้นอายุ
           หากประสงค์จะทำงานต้องยื่นคำขอต่ออายุใบอนุญาตทำงานต่อนายทะเบียนก่อน โดยผู้ขอต่ออายุใบอนุญาตสามารถทำงานไปพลางก่อนได้จนกว่านายทะเบียน จะมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ต่ออายุ (มาตรา 15) ผู้ฝ่าฝืนทำงานเมื่อใบอนุญาตสิ้นอายุแล้ว มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 5,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ ตามมาตรา 37
           กรณีการเปลี่ยน ชื่อ นามสกุล สัญชาติ ที่อยู่อาศัยของคนต่างด้าว หรือชื่อสถานที่ทำงานต้องยื่นคำร้องขอแก้ไขโดยไม่ชักช้า
การอุทธรณ์
คนต่างด้าวที่ไม่ได้รับใบอนุญาตทำงานหรือไม่ได้รับการต่ออายุใบอนุญาตทำงาน ท้องที่ หรือสถานที่ทำงาน มีสิทธิอุทธรณ์ต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับทราบคำสั่งไม่อนุญาต โดยยื่นหนังสืออุทธรณ์พร้อมเอกสารประกอบการอุทธรณ์ จำนวน 25 ชุด ได้ที่ฝ่ายคณะกรรมการพิจารณาการทำงานของคนต่างด้าว ชั้น 11 กองงานคนต่างด้าว
การอุทธรณ์
ตามมาตรา 17
 • กรณีที่ใช้
     1. อธิบดีหรือเจ้าพนักงานซึ่งอธิบดีมอบหมายไม่ออกใบอนุญาตทำงานหรือไม่อนุญาตตาม มาตรา 7 (แบบ ตท.2) มาตรา 8 (แบบ ตท.3) มาตรา 10 (แบบตท.1) และมาตรา 12 (แบบ ตท.8)
     2. นายทะเบียนไม่ต่ออายุใบอนุญาตทำงานให้ ตามมาตรา 15 (แบบ ตท.5)      3.นายทะเบียนไม่อนุญาตให้เปลี่ยนการทำงาน/เปลี่ยนท้องที่ทำงาน/เปลี่ยนสถานที่ทำงาน
ตามมาตรา 21 (แบบ ตท.7)
 • การยื่นหนังสืออุทธรณ์
      1.คนต่างด้าวหรือนายจ้างซึ่งยื่นคำขอรับใบอนุญาตแทนคนต่างด้าว มีสิทธิยื่นอุทธรณ์ ในกรณีไม่ออกใบอนุญาตทำงาน หรือไม่อนุญาตตามมาตรา 7 มาตรา 8 มาตรา 10 และมาตรา 12 ไม่ต่ออายุใบอนุญาตให้ตามมาตรา 15 และไม่อนุญาตให้เปลี่ยนการทำงาน/เปลี่ยนท้องที่ทำงาน/ เปลี่ยนสถานที่ทำงาน ตามมาตรา 21 เป็นการอุทธรณ์ต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม โดยให้ทำเป็นหนังสือยื่นต่ออธิบดี หรือเจ้าพนักงานซึ่งอธิบดีมอบหมาย หรือนายทะเบียน แล้วแต่กรณี
     2. การยื่นอุทธรณ์จะต้องยื่นภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับคำสั่งไม่อนุญาต
     3.กรณีอุทธรณ์ตามคำขอที่ไม่ออกใบอนุญาตทำงานหรือไม่อนุญาตตามมาตรา 7 มาตรา 8 มาตรา 10 มาตรา 12 และคำขอที่ไม่อนุญาตให้เปลี่ยนการทำงาน/เปลี่ยนท้องที่ทำงาน/เปลี่ยนสถานที่ทำงาน
ให้ตามมาตรา 21 คนต่างด้าวไม่มีสิทธิทำงาน  
     4. กรณีอุทธรณ์ตามคำขอที่ไม่อนุญาตให้ต่ออายุ ตามมาตรา 15 คนต่างด้าวมีสิทธิทำงานไปพลางก่อนได้จนกว่าจะมีคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม
     5. คำวินิจฉัยของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคมให้เป็นที่สุด
 • หลักฐานและเอกสารที่ต้องยื่นพร้อมหนังสืออุทธรณ์
     1. สำเนาหนังสือที่กรมการจัดหางานตอบปฏิเสธการขออนุญาตทำงา
     2. หนังสืออุทธรณ์ (ตามตัวอย่างหนังสืออุทธรณ์)
     3. ประวัติรายละเอียดเกี่ยวกับคนต่างด้าว (ตามแบบที่กำหนด)
     4. รายละเอียดเกี่ยวกับสถานประกอบการ (ตามแบบที่กำหนด)
     5. สำเนาการจดทะเบียนนิติบุคคล และสำเนาบัญชีผู้ถือหุ้น
     6. สำเนาใบอนุญาตตั้งโรงงานหรือใบอนุญาตประกอบการ
     7. หลักฐานการเสียภาษีให้แก่รัฐบาลไทยในระยะ 3 ปีที่ผ่านมา(ภาษีเงินได้,ภาษีการค้า,ภาษีอื่น ๆ ถ้ามี เป็นต้น)
     8. คำอธิบายกรรมวิธีการผลิตพร้อมด้วยผังการผลิต (PROCESS CHART) กรณีที่สถานประกอบการเป็นโรงงาน
     9. หลักฐานแสดงปริมาณงานของสถานประกอบการในระยะ 3 ปีที่ผ่านมา
   10. หลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้อง (ถ้ามี)

* เอกสารหมายเลข 1-10 นั้น บางกรณีอาจจะยื่นไม่ครบตามที่กำหนดไว้ทั้ง 10 ข้อก็ได้
ทั้งนี้ให้เจ้าหน้าที่พิจารณาตามประเภทของสถานประกอบการนั้น ๆ แต่ต้องยื่นอย่างละ 15 ชุด






   


  


วีซ่า
วีซ่าประเภทคนอยู่ชั่วคราว
(NON-IMMIGRANT VISA)
วีซ่าชนิดนี้คนต่างชาติจะต้องไปยื่นคำขอที่สถานเอกอัครราชฑูต หรือสถานกงสุลไทยในต่างประเทศ โดยต้องระบุแจ้งเหตุผลลงในแบบคำขอวีซ่า ด้วยว่าต้องการจะเดินทางเข้าประเทศไทยด้วยความมุ่งหมายใด ซึ่งทางราชการได้กำหนดรหัสเป็นอักษรย่อภาษาอังกฤษไว้ สำหรับใส่กำกับลงไปในวีซ่า ตามแต่ละเหตุผลที่ขอวีซ่า ทั้งนี้ เพื่อให้ทราบถึงเหตุผลหรือความมุ่งหมายตั้งแต่แรกของคนต่างด้าวว่า ต้องการจะขอเข้าประเทศไทยด้วยวัตถุประสงค์ใด และยังจะเป็นประโยชน์ในการควบคุมทางทะเบียนและการสถิติอีกด้วยNON-IMMIGRANT VISA นี้มีความสำคัญมาก เพราะเป็นวีซ่าประเภทคนอยู่ชั่วคราว ชนิดเดียวเท่านั้น ที่สามารถใช้ยื่นขอรับใบอนุญาตทำงานได้ และ การที่คนต่างชาติจะขอรับใบอนุญาตทำงานได้หรือไม่นั้น จะต้องถือปฏิบัติให้เป็นไปตาม ที่พระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2521 มาตรา 11 ได้บัญญัติไว้ ดังต่อไปนี้
"มาตรา 11 คนต่างด้าวซึ่งจะขอรับใบอนุญาตทำงานตามมาตรา 7 ต้องมีลักษณะดังต่อไปนี้ (1) มีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักรหรือได้รับอนุญาตให้เข้ามาใน ราชอาณาจัก เป็นการชั่วคราว ตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง โดยมิใช่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาในฐานะนักท่องเที่ยวหรือผู้เดินทางผ่าน..."
การจะได้รับอนุญาตให้ทำงานได้นั้น ขึ้นอยู่กับประเภทวีซ่าที่ขอเข้ามาในประเทศไทยว่า ต้องไม่ใช่ในฐานะนักท่องเที่ยวหรือผู้เดินทางผ่าน คนต่างด้าวผู้ใด หากต้องการจะขอวีซ่าชนิดนี้ก็ต้องไปยื่นคำขอยังสถานเอกอัครราชฑูตหรือสถานกงสุลไทยในต่างประเทศ กรอกแบบคำขอวีซ่า แจ้งวัตถุประสงค์ของตน ที่ต้องการขอวีซ่าดังได้กล่าวแล้วข้างต้น แต่เนื่องจากที่วีซ่าชนิดนี้มีความสำคัญ เพราะสามารถใช้ประกอบคำขอใบอนุญาตทำงาน และจะใช้ขออนุญาตอยู่ต่อในประเทศไทยเป็นเวลานานได้ตามความจำเป็นวีซ่าของไทย ดังกล่าวนี้ในปัจจุบันจะเป็นสติกเกอร์ติดลงไปในหนังสือเดินทาง แต่อาจมีกงสุลไทยบางแห่งซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นกงสุลกิติมศักดิ์ที่ยังใช้เป็นตราประทับอยู่ แต่ก็ใช้ได้เหมือนกัน โดยสติกเกอร์หรือรอยตราประทับดังกล่าวจะมีข้อความระบุบอกว่าเป็นวีซ่าประเภทอะไร มีรหัสว่าอะไร เช่น ถ้าขอเพื่อไปทำงานในวีซ่าก็จะระบุว่า NON-IMMIGRANT VISA class B ถ้าขอเพื่อเข้ามาศึกษาก็จะเป็น class ED หรือถ้าเป็น O ก็หมายถึง OTHER คือพวกที่อยู่ใน (10) ดังกล่าวข้างต้น และในวีซ่านั้นจะระบุกำหนดระยะเวลาให้ใช้วีซ่าว่าให้ใช้ตั้งแต่วันที่ออกให้ จนถึงเมื่อใด ระยะเวลาตรงนี้มีผู้เข้าใจผิดกันมาก โดยมักจะเข้าใจว่าเป็นระยะเวลาที่อนุญาตให้อยู่ในประเทศไทย ซึ่งไม่ใช่เช่นนั้น เพราะว่าระยะเวลาที่ระบุไว้นั้น เป็นเพียงกำหนดระยะเวลาที่ให้ใช้วีซ่าเดินทาง เข้าประเทศไทยเท่านั้นเอง และเมื่อเดินทางเข้าประเทศไทยในระหว่างเวลาที่กำหนดให้ใช้วีซ่า ก็จะได้รับการประทับตราอนุญาตให้อยู่ได้เป็นเวลา 90 วัน ณ ด่านตรวจ แม้ว่าจะเดินทางเข้า ประเทศไทยในวันสุดท้ายของระยะเวลาให้ใช้วีซ่าที่ระบุไว้นั้นก็ตาม ทั้งนี้ เนื่องจากเป็นกำหนดระยะเวลาการอนุญาตในขั้นต้นสำหรับวีซ่าประเภทนี้
นอกจากนั้นแล้ว หากเห็นว่ามีถ้อยคำเป็นภาษาอังกฤษว่า NO EXTENSION OF STAY (ไม่อนุญาตให้อยู่ต่อ) ที่ปรากฏอยู่ในวีซ่า หากการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร ตามวีซ่าที่ได้รับไว้ตั้งแต่แรกขณะที่เดินทางเข้ามาจะสิ้นสุดลง คนต่างด้าวนั้นก็มีสิทธิที่จะยื่นคำขออยู่ต่อได้ตามเหตุผล และความจำเป็นของตน ถ้าหากผู้มีอำนาจอนุญาตเห็นว่า มีเหตุผล หรือความจำเป็นจริง ก็จะอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวต่อไปได้ หรือหากว่าคนต่างด้าวผู้นั้นมีคุณสมบัติตามหลักเกณฑ์การอนุญาตให้อยู่ต่อของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองที่กำหนดไว้ ก็จะได้รับอนุญาตให้พำนักอยู่ต่อได้

วีซ่าประเภทนักท่องเที่ยว
(TOURIST VISA)
วีซ่าชนิดนี้ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นวีซ่าเพื่อการท่องเที่ยว โดยวีซ่าชนิดนี้ต้องยื่นคำขอจากนอก ประเทศไทยเช่นเดียวกับ NON-IMMIGRANT VISA เมื่อเดินทางเข้าประเทศไทยจะได้รับอนุญาต ณ ด่านตรวจ ให้อยู่เป็นเวลา 60 วัน และขออยู่ต่อได้อีก 30 วัน (เฉพาะประเทศศรีลังกา บังคลาเทศ อินเดีย ปากีสถาน เนปาล อิหร่าน ไนจีเรีย โตโก ยูกันดา จะขอเลื่อนการเดินทางออกไปได้อีกเพียง 7 วัน ตามนโยบายของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง) วีซ่าชนิดนี้สามารถขออยู่ต่อในระยะยาวได้เช่นกันหากมีความจำเป็น เพราะกฎหมายให้อำนาจอธิบดีกรมตำรวจ (ปัจจุบันคือ ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ) เป็นผู้พิจารณาอนุญาตให้อยู่ต่อได้ครั้งละไม่เกิน 1 ปี (ตามความในมาตรา 35 แห่งพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ.2522) เพียงแต่ว่าวีซ่าชนิดนี้ไม่สามารถ ใช้ขออนุญาตทำงานได้เท่านั้นเอง อนึ่ง คนต่างด้าวผู้ที่ถือ TOURIST VISA หากเขาต้องการจะขออนุญาตทำงานในประเทศไทย หรือเกรงว่าถ้าไม่มี NON-IMMIGRANT VISA ตามที่ได้รับคำบอกเล่าของพนักงานเจ้าหน้าที่แล้ว จะไม่สามารถขออยู่ต่อระยะยาวได้ ก็มีสิทธิยื่นคำขอเปลี่ยนวีซ่าประเภทเป็น NON-IMMIGRANT VISA ได้ที่

กองกำกับการ 2 กองบังคับการตรวจคนเข้าเมืองกรุงเทพมหานคร
ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550
อาคารบี (ด้านทิศใต้) ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพมหานคร
โทร 02 141 9910

แต่ว่าจะได้รับอนุญาตให้เปลี่ยนประเภทวีซ่าหรือไม่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
วีซ่าประเภทคนเดินทางผ่านราชอาณาจักร
(TRANSIT VISA)
ชื่อของวีซ่าก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นวีซ่าสำหรับคนเดินทางผ่าน การยื่นคำขอวีซ่าชนิดนี้ก็เหมือนกับ การขอ Tourist Visa ทุกประการ คงมีข้อต่างกันเฉพาะชื่อวีซ่า และเรื่องระยะเวลาการอนุญาตให้พำนัก อยู่ในประเทศไทยขณะเมื่อผ่านด่านตรวจ กับจำนวนเงินค่าธรรมเนียมวีซ่าเท่านั้น วีซ่าชนิดนี้เมื่อเดินทางเข้าประเทศไทย จะได้รับอนุญาตให้พำนักอยู่เป็นเวลา 30 วัน ณ ด่านตรวจ และสามารถยื่นคำขออยู่ต่อได้อีก 7 วัน แต่ในกรณีจำเป็นก็อาจคำขออยู่ต่อได้ เช่นเดียวกับ Tourist Visa ดังได้กล่าวมาแล้ว วีซ่าชนิดนี้ไม่สามารถใช้ขอใบอนุญาตทำงานได้ แต่อาจขอเปลี่ยนเป็น NON-IMMIGRANT VISA เช่นเดียวกับ TOURIST VISA

วีซ่าประเภทคนเข้าเมืองนอกกำหนด จำนวนคนต่างด้าว
ซึ่งจะเข้ามามีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักรเป็นรายปี (NON-QUOTA IMMIGRANT VISA)
วีซ่าชนิดนี้จะออกให้แก่ผู้ที่ได้รับอนุญาตให้มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทยแล้ว แต่ประสงค์จะเดินทางไปต่างประเทศ และจะกลับเข้ามามีถิ่นที่อยู่ตามเดิม ซึ่งเปรียบเสมือนเป็น Re-Entry Visa ของผู้มีถิ่นที่อยู่ โดยทำเป็นตราประทับลงไปในหนังสือเดินทาง และต้องใช้คู่กันกับใบสำคัญถิ่นที่อยู่ ซึ่งต้องมีการสลักหลัง (Endorsement) ด้วยทุกครั้งที่เดินทางเข้า-ออกราชอาณาจักร ค่าธรรมเนียมของวีซ่าชนิดนี้เป็นเงินจำนวน 1,900 บาท สำหรับการเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร 1 ครั้ง และจำนวน 3,800 บาท สำหรับการเดินทางกลับเข้ามาหลายครั้ง โดยจะมีกำหนดอายุการใช้ตามอายุของสลักหลังในใบสำคัญถิ่นที่อยู่
1.ขั้นตอนการดำเนินการ หลักเกณฑ์เงื่อนไขและเอกสารที่ใช้ประกอบการขออยู่ต่อในราชอาณาจักรแต่ละประเภท
อยู่ปฏิบัติงานในบริษัท หรือ ห้างหุ้นส่วน
กรณีมีเหตุจำเป็นทางธุรกิจ เช่น จะต้องอยู่ปฏิบัติงานในบริษัท หรือ ห้างหุ้นส่วนเป็นต้น
หลักเกณฑ์การพิจารณา
  1. คนต่างด้าวต้องได้รับการตรวจลงตรา ประเภทคนอยู่ชั่วคราว
  2. คนต่างด้าวต้องมีเงินได้ตามตารางเงินได้แนบท้ายคำสั่งนี้ (ผนวก ก)
  3. ต้องเป็นธุรกิจซึ่งมีทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้วไม่ต่ำกว่า2 ล้านบาท
  4. ธุรกิจนั้นต้องยื่นงบการเงิน ณ วันสิ้นงวดสองปีบัญชีที่ผ่านมา ที่ได้รับการตรวจรับรอง
    ความถูกต้องจากผู้สอบบัญชีรับอนุญาตหรือผู้สอบบัญชีภาษีอากรแล้วแต่กรณีเพื่อแสดงว่า
    ธุรกิจมีความมั่นคงเชื่อถือได้ มีการประกอบการจริงและมีความต่อเนื่อง โดยพิจารณาจากแนวทางพิจารณาสถานภาพธุรกิจว่ามีการประกอบการจริงและมีความ ต่อเนื่องแนบท้ายคำสั่งนี้ (ผนวก ข)
  5. ธุรกิจนั้นมีความจำเป็นจะต้องว่าจ้างคนต่างด้าวทำงาน
  6. ธุรกิจนั้นต้องมีอัตราส่วนระหว่างจำนวนคนต่างด้าวกับพนักงานคนไทยประจำ ในอัตราส่วนคนต่างด้าว1 คนต่อพนักงานคนไทยประจำ 4 คน
  7. ธุรกิจประเภทดังต่อไปนี้ ให้ได้รับการยกเว้นหลักเกณฑ์ตามข้อ (3) (4) และ (5)
    และให้ได้รับการผ่อนผันในเรื่องอัตราส่วนคนไทยตามหลักเกณฑ์ข้อ (๖) โดยให้มีพนักงาน
    คนไทยในอัตราส่วนคนต่างด้าว ๑ คน ต่อพนักงานคนไทยประจำ ๑ คน
    (ก) ธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ(สำนักงานผู้แทน)(ข) สำนักงานภูมิภาค(ค) บริษัทข้ามชาติ (สำนักงานสาขา)
เอกสารประกอบที่ต้องใช้
  1. แบบคำขอ ตม.7 รูปถ่าย ขนาด 4 x 6 ซม จำนวน 1 รูป และ ค่าธรรมเนียม 1,900.- บาท (คนต่างด้าวต้องมายื่นคำร้องด้วยตนเอง)
  2. สำเนาหนังสือเดินทางของผู้ยื่นคำขอ (หน้าที่มีรูปถ่าย, วีซ่า, ตราเดินทางเข้าครั้งสุดท้าย, บัตรขาออก (ตม.6), ตรา RE-Entry Permit,  ตราประทับการอนุญาตให้อยู่ต่อครั้งสุดท้าย และคนต่างด้าวลงลายมือชื่อรับรอง
  3. หนังสือรับรองคนต่างด้าวเข้าทำงานตามแบบของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (แบบ สตม.1)
  4. สำเนาใบอนุญาตทำงาน (ทุกหน้าที่มีข้อมูลปรากฎ และคนต่างด้าวลงลายมือชื่อรับรองทุกแผ่น)
  5. สำเนาหลักฐานการจดทะเบียนขององค์กรนั้น เช่น หนังสือรับรองการจดทะเบียนบริษัท หรือการจดทะเบียนห้างหุ้นส่วน ฉบับนายทะเบียนรับรองไม่เกิน 6 เดือน
  6. สำเนาบัญชี รายชื่อผู้ถือหุ้นทั้งหมด ฉบับนายทะเบียนรับรองไม่เกิน 6 เดือน
  7. สำเนางบดุล และงบกำไรขาดทุน ปีล่าสุด พร้อมแบบแสดงรายการเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล(ภ.ง.ด.50)และใบเสร็จรับเงิน และสำเนา สบช.3 (ต้องผ่านการรับรองความถูกต้องจากสรรพากร หรือกระทรวงพาณิชย์ หรือจากผู้ตรวจสอบบัญชี หรือใช้เอกสารตัวจริงเท่านั้น)
  8. สำเนาแบบยื่นรายการภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย (ภ.ง.ด.1) ที่มีชื่อพนักงานไทยและชื่อคนต่างด้าวผู้ยื่นคำขอ 3 เดือนล่าสุดพร้อมใบเสร็จรับเงิน (กรณีไม่มีชื่อของคนต่างด้าวให้ทำหนังสือชี้แจง และคนต่างด้าวห้ามมีรายชื่อใน ภ.ง.ด.1 ก่อนมีใบอนุญาตทำงาน)
  9. สำเนาแบบยื่นรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (ภ.ง.ด.91) ของคนต่างด้าวผู้ยื่นคำขอ ปีล่าสุด พร้อมใบเสร็จรับเงิน (ถ้ามี)
  10. สำเนาแบบรายการแสดงการส่งเงินสมทบตามที่ได้ยื่นไว้ต่อสำนักงานประกันสังคม ( สปส.1-10) 3 เดือนล่าสุด พร้อมใบเสร็จรับเงิน
  11. สำเนาแบบแสดงรายการเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ.30 หรือ ภ.พ.36) ของปีงบการเงินล่าสุด 3 เดือนล่าสุด พร้อมใบเสร็จรับเงิน
  12. เอกสารหรือหลักฐานแสดงว่า ธุรกิจมีความจำเป็นจะต้องว่าจ้างคนต่างด้าวทำงาน เช่น ประกาศรับสมัครคนไทยเข้าทำงาน แล้วไม่มีผู้สมัคร เป็นต้น
  13. แผนที่แสดงสถานที่ทำงานของผู้ยื่นคำขอ(ประทับตราบริษัทและกรรมการผู้มีอำนาจลงนาม )
  14. เอกสารหรือหลักฐานอื่น ตามที่คณะกรรมการติดตามการปฎิบัติราชการของพนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองของ สตม. กำหนด (แบบ สตม.2)
  15. รูปถ่ายสถานประกอบการ (ประทับตราบริษัทและกรรมการผู้มีอำนาจลงนามทุกแผ่น)
    - ภายนอก ให้ปรากฏรูปถ่ายสภาพตัวอาคาร, เลขที่ตั้ง และป้ายชื่อสถานประกอบการ
    - ภายใน ให้ปรากฏภาพพนักงานคนไทยและคนต่างด้าวขณะปฏิบัติงานอยู่
  16. ให้นำหลักฐานเอกสารตัวจริงตามข้อ 5, 6, 7, 8, 9 และ 10 มาแสดงด้วย
  17. กรณีมีครอบครัวติดตามมาอยู่ด้วย ให้แสดงหลักฐานครอบครัว ได้แก่ ทะเบียนสมรส ใบเกิดบุตร หากออกโดยรัฐบาลในต่างประเทศ ให้ผ่านการรับรองจากสถานทูตของประเทศนั้นๆ
หมายเหตุ:   ข้อ 8-11 รับรองความถูกต้องจากหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง

กรณีเพื่อการท่องเที่ยว
หลักเกณฑ์การพิจารณา
  1. คนต่างด้าวต้องได้รับการตรวจลงตรา ประเภทนักท่องเที่ยว
  2. ไม่เป็นบุคคลสัญชาติ หรือจำ พวกที่ คณะกรรมการติดตามการปฏิบัติราชการ
    ของพนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง ของ สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองกำหนด
เอกสารประกอบที่ต้องใช้
  1. แบบคำขอ ตม.7 (คนต่างด้าวต้องมายื่นคำร้องด้วยตนเอง)
  2. สำเนาหนังสือเดินทาง, วีซ่า , ตราประทับอนุญาตครั้งสุดท้าย
  3. รูปถ่าย ขนาด 4 x 6 ซม. (ที่ถ่ายไว้ไม่เกิน 6 เดือน)
  4. ค่าธรรมเนียม 1,900 บาท
เอกสารเฉพาะกรณี
กรณีเจ็บป่วย
  1. แบบฟอร์ม ตม.7 (คนต่างด้าวต้องมายื่นคำร้องด้วยตนเอง)
  2. สำเนาหนังสือเดินทาง, วีซ่า, ตราประทับอนุญาตครั้งสุดท้าย
  3. หนังสือรับรองจากโรงพยาบาล โดยให้ปรากฏคำวินิจฉัยของแพทย์ดังนี้
    -  เจ็บป่วยเป็นโรค หรืออะไร
    -  เป็นอุปสรรคต่อการเดินทางไกลหรือไม่ อย่างไร
    -  ต้องรักษาตัว หรือไม่สามารถเดินทางไกล นานเท่าใดแต่เมื่อใด เป็นต้นไป
กรณีดูแลผู้ป่วย
  1. แบบฟอร์ม ตม.7 (คนต่างด้าวต้องมายื่นคำร้องด้วยตนเอง)
  2. สำเนาหนังสือเดินทาง, วีซ่า, ตราประทับอนุญาตครั้งสุดท้าย หนังสือรับรองจากโรงพยาบาลที่ทำการตรวจรักษาผู้ป่วย  โดยระบุความสัมพันธ์กับผู้ป่วย  หรือหนังสือรับรองความสัมพันธ์กับผู้ป่วยจากสถานทูต หรือสถานกงสุล
กรณีเพื่อเยี่ยมญาติหรือกลับภูมิลำเนาเดิมของผู้เคยมีสัญชาติไทยหรือของผู้ที่มีบิดาหรือมารดา  เป็นบุคคลสัญชาติไทยหรือเคยมีสัญชาติไทย
  1. แบบฟอร์ม ตม.7 (คนต่างด้าวต้องมายื่นคำร้องด้วยตนเอง)
  2. สำเนาหนังสือเดินทาง, วีซ่า, ตราประทับอนุญาตครั้งสุดท้าย
  3. หลักฐานแสดงว่าเดิมเคยมีสัญชาติไทย หรือแสดงว่าบิดา หรือมารดามีสัญชาติไทย หรือเคยมีสัญชาติไทย
กรณีเพื่อเยี่ยมคู่สมรส หรือเยี่ยมบุตรซึ่งมีสัญชาติไทย
  1. แบบฟอร์ม ตม.7 (คนต่างด้าวต้องมายื่นคำร้องด้วยตนเอง)
  2. สำเนาหนังสือเดินทาง, วีซ่า, ตราประทับอนุญาตครั้งสุดท้าย  
  3. หลักฐานแสดงความสัมพันธ์ (กรณีคู่สมรสต้องมีความสัมพันธ์กันทั้งทางนิตินัย และพฤตินัย)
    3.1 สำเนาทะเบียนบ้านของคู่สมรส หรือบุตร
    3.2 สำเนาบัตรประชาชนของบุคคลผู้มีสัญชาติไทย
    3.3 สำเนาทะเบียนสมรส หรือสำเนาสูติบัตรของบุตร
กรณีเพื่อการดำเนินคดี หรือดำเนินกระบวนพิจารณาอันเกี่ยวกับคดี
  1. แบบฟอร์ม ตม.7 (คนต่างด้าวต้องมายื่นคำร้องด้วยตนเอง)
  2. สำเนาหนังสือเดินทาง, วีซ่า, ตราประทับอนุญาตครั้งสุดท้าย
  3. หลักฐานยืนยันว่าเป็นผู้เกี่ยวข้องกับการดำเนินคดี โดยเป็นผู้กล่าวหา  ผู้เสียหาย  ผู้ต้องหา  โจทก์จำเลย  หรือพยาน

กรณีปฏิบัติหน้าที่หรือภารกิจให้แก่ส่วนราชการ หรือรัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานอื่นของรัฐ หรือสถานฑูต  หรือสถานกงสุล  หรือองค์การระหว่างประเทศ
  1. แบบฟอร์ม ตม.7 (คนต่างด้าวต้องมายื่นคำร้องด้วยตนเอง)
  2. สำเนาหนังสือเดินทาง, วีซ่า, ตราประทับอนุญาตครั้งสุดท้าย
  3. หนังสือรับรองหรือร้องขอ จากส่วนราชการระดับกรม  หรือเทียบเท่า  หรือหัวหน้า รัฐวิสาหกิจ หรือหัวหน้าหน่วยงานอื่นของรัฐ  หรือจากส่วนราชการตำรวจระดับกองบังคับการหรือเทียบเท่าขึ้นไป หรือจากส่วนราชการทหารระดับผู้บังคับหน่วยในสังกัดกระทรวงกลาโหม  กองบัญชาการกองทัพไทย  กองทัพบก  กองทัพเรือ  กองทัพอากาศ  ซึ่งมีชั้นยศพลตรี  พลเรือตรี  พลอากาศตรีขึ้นไป ในส่วนที่เกี่ยวข้อง  หรือจากองค์การระหว่างประเทศ
กรณีมีเหตุจำเป็นโดยมีสถานฑูต หรือสถานกงสุล รับรองและร้องขอ
  1. แบบฟอร์ม ตม.7 (คนต่างด้าวต้องมายื่นคำร้องด้วยตนเอง)
  2. สำเนาหนังสือเดินทาง, วีซ่า, ตราประทับอนุญาตครั้งสุดท้าย
  3. หนังสือรับรอง  หรือร้องขอ จากสถานฑูต หรือสถานกงสุล
กรณีเป็นครู หรืออาจารย์หรือ ผู้เชี่ยวชาญในสถานศึกษาของรัฐ
หลักเกณฑ์การพิจารณา
  1. คนต่างด้าวต้องได้รับการตรวจลงตรา ประเภทคนอยู่ชั่วคราว
  2. ได้รับการรับรองแล ะร้องขอจาก สถานศึกษานั้น
เอกสารประกอบที่ต้องใช้
  1. แบบคำขอ ตม.7
  2. สำเนาหนังสือเดินทางของผู้ยื่นคำขอ
  3. สำเนาใบอนุญาตทำงาน
  4. หนังสือรับรองและร้องขอให้อยู่ต่อจาก สถานศึกษานั้น โดยระบุตำแหน่ง อัตรา เงินเดือน และระยะเวลาการจ้าง
  5. สำเนาใบประกอบวิชาชีพครู หรือสำเนา หนังสือรับรองสิทธิจากคุรุสภา หรือสำเนา หนังสือผ่อนผันจากคุรุสภา หรือสำเนาหนังสือ รับคำขออนุญาตผ่อนผันจากคุรุสภา
    (ยกเว้นครู หรืออาจารย์ หรือผู้เชี่ยวชาญ ในระดับ อุดมศึกษา)
กรณีเป็นครู หรืออาจารย์หรือ ผู้เชี่ยวชาญในสถานศึกษาของเอกชน
หลักเกณฑ์การพิจารณา
  1. คนต่างด้าวต้องได้รับการตรวจลงตรา ประเภทคนอยู่ชั่วคราว
  2. สถานศึกษานั้นได้รับอนุญาตให้ประกอบ กิจการจากส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง
  3. ได้รับการรับรองและร้องขอจากสถานศึกษานั้น
เอกสารประกอบที่ต้องใช้
กรณีโรงเรียนในระบบ ได้แก่ โรงเรียน สามัญศึกษา English Program โรงเรียน อาชีวศึกษาที่ใช้หลักสูตรกระทรวงศึกษาธิการ และโรงเรียนนานาชาติ
  1. แบบคำขอ ตม.7
  2. สำเนาหนังสือเดินทางของผู้ยื่นคำขอ
  3. สำเนาใบอนุญาตทำงาน
  4. สำเนาหลักฐานการอนุญาตให้จัดตั้ง สถานศึกษาจากส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง
  5. หนังสือรับรองและขอให้อยู่ต่อจาก สถานศึกษานั้น โดยระบุตำแหน่ง อัตรา เงินเดือน และระยะเวลาการจ้าง และสำเนา หนังสือแต่งตั้งครูตามแบบที่ สช. กำหนด
  6. สำเนาใบประกอบวิชาชีพครู หรือสำเนา หนังสือรับรองสิทธิจากคุรุสภา หรือสำเนา หนังสือผ่อนผันจากคุรุสภา หรือสำเนาหนังสือ รับคำขออนุญาตผ่อนผันจากคุรุสภา



กรณีโรงเรียนนอกระบบ
  1. แบบคำขอ ตม.7
  2. สำเนาหนังสือเดินทางของผู้ยื่นคำขอ
  3. สำเนาใบอนุญาตทำงาน
  4. สำเนาหลักฐานการอนุญาตให้จัดตั้ง สถานศึกษาจากส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง
  5. หนังสือรับรองและขอให้อยู่ต่อจาก สถานศึกษานั้น โดยระบุตำแหน่ง อัตรา เงินเดือน และระยะเวลาการจ้าง
  6. สำเนาหนังสือแต่งตั้งครู/ผู้สอน ตามแบบที่ สช.กำหนด
กรณีสถาบันอุดมศึกษาของเอกชน
  1. แบบคำขอ ตม.7
  2. สำเนาหนังสือเดินทางของผู้ยื่นคำขอ
  3. สำเนาใบอนุญาตทำงาน
  4. สำเนาหลักฐานการอนุญาตให้จัดตั้ง สถานศึกษาจากส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง
  5. หนังสือรับรองและขอให้อยู่ต่อจาก อธิการบดีของสถาบันการศึกษา โดยระบุ ตำแหน่ง อัตราเงินเดือน และระยะเวลาการจ้าง
กรณีเพื่อศึกษาในสถานศึกษาของรัฐ
หลักเกณฑ์การพิจารณา
  1. คนต่างด้าวต้องได้รับการตรวจลงตรา ประเภทคนอยู่ชั่วคราว
  2. ได้รับการรับรองแล ะร้องขอจาก สถานศึกษานั้น
เอกสารประกอบที่ต้องใช้
  1. แบบคำขอ ตม.7
  2. สำเนาหนังสือเดินทางของผู้ยื่นคำขอ
  3. หนังสือรับรองและขอให้อยู่ต่อจาก สถานศึกษานั้นโดยให้ปรากฏรายละเอียด เกี่ยวกับจำนวนปีการศึกษา ระดับหลักสูตร และผลการศึกษาของผู้ยื่นคำขอ
กรณีเพื่อศึกษาในสถานศึกษาของ เอกชน
หลักเกณฑ์การพิจารณา
  1. คนต่างด้าวต้องได้รับการตรวจลงตรา ประเภทคนอยู่ชั่วคราว
  2. สถานศึกษานั้นได้รับอนุญาตให้ประกอบ กิจการจากส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง
  3. ไ ด้รับ การ รับร องแ ละร้อ ง ข อ จ า ก สถานศึกษานั้น
  4. ได้รับการรับรองจากส่วนราชการที่ เกี่ยวข้อง (ยกเว้นกรณีศึกษาในโรงเรียน นานาชาติ และกรณีศึกษาในระดับอุดมศึกษา)
เอกสารประกอบที่ต้องใช้
  1. แบบคำขอ ตม.7
  2. สำเนาหนังสือเดินทางของผู้ยื่นคำขอ
  3. สำเนาหลักฐานการอนุญาตให้จัดตั้ง สถานศึกษาจากส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง
  4. หนังสือรับรองและขอให้อยู่ต่อจาก สถานศึกษานั้นโดยให้ปรากฏรายละเอียด เกี่ยวกับจำนวนปีการศึกษา ระดับหลักสูตร และผลการศึกษาของผู้ยื่นคำขอ
  5. หนังสือรับรองจากหน่วยงานของรัฐระดับ กรมหรือเทียบเท่าหรือจากผู้ว่าราชการจังหวัดที่ รับผิดชอบสถานศึกษานั้น
    (ยกเว้นกรณีศึกษาในโรงเรียนนานาชาติและ กรณีศึกษาในระดับอุดมศึกษา)

กรณีเป็นครอบครัวของคนต่างด้าวที่ ได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการ ชั่วคราวเพื่อศึกษาในสถานศึกษาตามหลักเกณฑ์ข้อ ๒.๘ หรือ ๒.๙ ของคำสั่งนี้(เฉพาะบิดา มารดา คู่สมรส บุตร บุตรบุญ ธรรม หรือบุตรของคู่สมรส)
หลักเกณฑ์การพิจารณา
  1. คนต่างด้าวต้องได้รับการตรวจลงตรา ประเภทคนอยู่ชั่วคราว
  2. มีหลักฐานแสดงความสัมพันธ์
  3. กรณีคู่สมรสต้องมีความสัมพันธ์กันทั้งทาง นิตินัยและพฤตินัย หรือ
  4. กรณีบุตร บุตรบุญธรรม หรือบุตรของ คู่สมรสขออยู่ในอุปการะ บุตร บุตรบุญธรรม หรือบุตรของคู่สมรสนั้นต้องยังไม่ได้สมรส และอยู่อาศัยเป็นส่วนแห่งครัวเรือนนั้นและต้อง มีอายุไม่เกิน 20 ปีบริบูรณ์ หรือ
  5. กรณีบิดาหรือมารดา ต้องมีเงินฝากใน ธนาคารในประเทศไทยในนามบิดาหรือ มารดาคงอยู่ในบัญชีตลอดระยะเวลาย้อนหลัง
    3 เดือน ไม่น้อยกว่า 500,000 บาท เฉพาะใน ปีแรกให้แสดงบัญชีเงินฝาก โดยมีเงินจำนวน ดังกล่าว ฝากอยู่ในบัญชีมาแล้วไม่น้อยกว่า
    30 วัน ณ วันที่ยื่นขอตามเหตุผลนี้
เอกสารประกอบที่ต้องใช้
  1. แบบคำขอ ตม.7
  2. สำเนาหนังสือเดินทางของผู้ยื่นคำขอ
  3. สำเนาหนังสือเดินทางของคนต่างด้าวที่ ได้รับอนุญาตให้อยู่เพื่อศึกษา
  4. สำเนาเอกสารแสดงความสัมพันธ์กัน เช่น หลักฐานการสมรส สำเนาสูติบัตร หลักฐาน การจดทะเบียนรับรองบุตร สำเนาทะเบียนบ้าน
    หลักฐานการจดทะเบียนรับบุตรบุญธรรม หรือ หลักฐานอื่น จากส่วนราชการหรือหน่วยงานที่ เกี่ยวข้อง
กรณีปฏิบัติหน้าที่สื่อมวลชน
หลักเกณฑ์การพิจารณา
  1. คนต่างด้าวต้องได้รับการตรวจลงตรา ประเภทคนอยู่ชั่วคราว
  2. ได้รับการรับรองและร้องขอจากกรม ประชาสัมพันธ์ หรือกรมสารนิเทศ กระทรวง การต่างประเทศ
เอกสารประกอบที่ต้องใช้
  1. แบบคำขอ ตม.7
  2. สำเนาหนังสือเดินทางของผู้ยื่นคำขอ
  3. สำเนาใบอนุญาตทำงาน
  4. หนังสือรับรองและขอให้อยู่ต่อจาก กรมประชาสัมพันธ์ หรือกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ
กรณีเป็นครอบครัวของผู้มีสัญชาติ ไทย (เฉพาะบิดามารดา คู่สมรส บุตร บุตรบุญธรรม หรือบุตรของคู่สมรส)
หลักเกณฑ์การพิจารณา
1.     คนต่างด้าวต้องได้รับการตรวจลงตรา ประเภทคนอยู่ชั่วคราว
2.     มีหลักฐานแสดงความสัมพันธ์
3.     กรณีคู่สมรสต้องมีความสัมพันธ์กันทั้งทาง นิตินัยและพฤตินัย หรือ
4.     กรณีบุตร บุตรบุญธรรม หรือบุตรของ คู่ส ม ร ส ข อ ยู่ใ น ค ว า ม อุป ก า ร ะ บุต ร บุตรบุญธรรม หรือบุตรของคู่สมรสนั้นต้องยังไม่ได้สมรส
และอยู่อาศัยเป็นส่วนแห่งครัวเรือนนั้น และต้องมีอายุไม่เกิน 20 ปี บริบูรณ์ หรือ
5.     กรณีบิดาหรือมารดา บิดาหรือมารดา นั้นต้องมีรายได้เฉลี่ยทั้งปีไม่น้อยกว่าเดือนละ 40,000 บาท หรือต้องมีเงินฝากไม่น้อยกว่า
400,000 บาท เพื่อไว้ใช้จ่ายในรอบ 1 ปี
6.     กรณีสมรสกับหญิงไทย ฝ่ายสามีซึ่งเป็น คนต่างด้าวต้องมีรายได้เฉลี่ยทั้งปีไม่น้อยกว่า เดือนละ 40,000 บาท หรือเงินฝากใน ธนาคารในประเทศไทยคงอยู่ในบัญชีตลอด
ระยะเวลาย้อนหลัง 2 เดือน ไม่น้อยกว่า 400, 000 บาท เพื่อไว้ใช้จ่ายในรอบปี
เอกสารประกอบที่ต้องใช้
รายการเอกสารประกอบขออยู่ต่อกรณีอุปการะบุตรไทย/บุตรไทย
1) แบบคำขอ (ตม.7) พร้อมติดรูปถ่าย จำนวน 1 รูป
2) บันทึกคำให้การ (หมายเลข 3)
3) ใบรับทราบเงื่อนไขการอนุญาตให้อยู่ต่อในราชอาณาจักร (แบบ สตม.2)
4) ใบรับทราบเงื่อนไขเงินฝาก 400,000 บาท ณ วันยื่นคำขอ
5) สำเนาหนังสือเดินทางให้ปรากฏหน้าที่มีรูปถ่าย และหน้าที่มีรอยตราประทับของเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองไทย
6) หลักฐานแสดงความสัมพันธ์
6.1 สำเนาสูติบัตรบุตร
6.2 ทะเบียนบ้านบุตร
6.3 สำเนาทะเบียนรับรองบุตร (คร.11) และสำเนาคำพิพากษาของศาล (ถ้ามี)
6.4 ใบสำคัญการสมรส (คร.3) กรณีจดทะเบียนสมรสในประเทศไทย
6.5 สำเนาทะเบียนสมรส (คร.2) กรณีจดทะเบียนสมรสในประเทศไทย
6.6 สำเนาทะเบียนสมรส กรณีจดทะเบียนสมรสในต่างประเทศ
6.7 สำเนาทะเบียนฐานะแห่งครอบครัว (คร.22) กรณีจดทะเบียนสมรสในต่างประเทศ
6.8 สำเนาใบสำคัญการหย่า
6.9 สำเนาทะเบียนการหย่า (คร.6)
7) เอกสารอื่นที่พิสูจน์ได้ว่ามีสัญชาติไทยจากส่วนราชการ หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
8) สำเนาเอกสารหลักฐานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น บัตรประชาชน, ทะเบียนบ้าน, ใบเปลี่ยนชื่อ, ใบเปลี่ยนนามสกุล ฯลฯ
9) หนังสือรับรองจากโรงเรียน (กรณีบุตรกำลังศึกษา)
10) หลักฐานแสดงฐานะของบิดาหรือมารดา
10.1 กรณีทำงานในประเทศไทย
- หนังสือรับรองจากบริษัทผู้ว่าจ้าง (โดยระบุรายละเอียดเกี่ยวกับเงินเดือน เดือนละไม่น้อยกว่า 40,000 บาท)
- สำเนาใบอนุญาตทำงานของคนต่างด้าว
- หลักฐานการชำระภาษีเงินได้พร้อมใบเสร็จรับเงิน (ภ.ง.ด.1 3 เดือนล่าสุด และ ภ.ง.ด.91 ในรอบปีที่ผ่านมา) พร้อมรับรองสำเนาถูกต้อง
จากกรมสรรพากร
- หนังสือรับรองการจดทะเบียนบริษัท และบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นบริษัท (บอจ.5) หรือ
10.2 กรณีมีเงินฝากธนาคารในประเทศไทย (ออมทรัพย์/ประจำ)
- หนังสือรับรองการมีเงินฝากจากธนาคารในประเทศไทย ณ ปัจจุบัน ไม่น้อยกว่า 400,000 บาท
- สำเนาสมุดบัญชีเงินฝากธนาคาร ณ วันยื่นคำขอ ไม่น้อยกว่า 400,000 บาท หรือ
10.3 กรณีมีรายได้จากต่างประเทศ เช่น เงินบำนาญ ฯลฯ
- หนังสือรับรองจากสถานทูต หรือสถานกงสุลในประเทศไทยของผู้ยื่นคำขอ แสดงการมีรายได้จากเงินบำนาญ หรือ
- รายได้อื่น ไม่น้อยกว่า 40,000 บาท ต่อเดือน หรือ 400,000 บาท ต่อปี พร้อมหลักฐานการโอนเงินรายได้จากต่างประเทศ
7) เอกสารอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น กรณีที่พักอาศัยไม่ตรงตามทะเบียนบ้าน ให้แสดงหลักฐานสัญญาเช่าฯ หรือหนังสือรับรองจากเจ้า บ้านพร้อม
แนบสำเนาทะเบียนบ้าน และบัตรประชาชนเจ้าบ้าน ฯลฯ
8) รูปถ่ายครอบครัว และที่พักอาศัย และ รูปถ่ายหน้าโรงเรียน (กรณีบุตรกำลังศึกษา)
9) แผนที่บ้าน
หมายเหตุ1) ผู้ยื่นคำขอและบุตรผู้มีสัญชาติไทย ต้องมาติดต่อด้วยตนเอง เพื่อมาให้ปากคำ
                2) ให้นำหลักฐานเอกสารตัวจริงมาแสดง และถ่ายเอกสารพร้อมรับรองสำเนาถูกต้องด้วยลายมือชื่อของผู้ยื่นคำขอ

รายการเอกสารประกอบขออยู่ต่อกรณีอุปการะภรรยาไทย
1) แบบคำขอ (ตม.7) พร้อมติดรูปถ่าย จำนวน 1 รูป
2) บันทึกคำให้การ (หมายเลข 3)
3) ใบรับทราบเงื่อนไขการอนุญาตให้อยู่ต่อในราชอาณาจักร (แบบ สตม.2)
4) ใบรับทราบเงื่อนไขเงินฝาก 400,000 บาท 2 เดือนย้อนหลัง
5) สำเนาหนังสือเดินทางให้ปรากฏหน้าที่มีรูปถ่าย และหน้าที่มีรอยตราประทับของเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองไทย
6) หลักฐานแสดงความสัมพันธ์
6.1 สำเนาใบสำคัญการสมรส (คร.3)
6.2 สำเนาทะเบียนสมรส (คร.2)
6.3 สำเนาทะเบียนสมรส
6.4 สำเนาทะเบียนฐานะแห่งครอบครัว (คร.22)
7) สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน (ภรรยา)
8) สำเนาทะเบียนบ้าน (ภรรยา)
9) เอกสารอื่นที่พิสูจน์ได้ว่ามีสัญชาติไทยจากส่วนราชการ หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
10) สำเนาสูติบัตรบุตร และทะเบียนบ้านบุตร (ถ้ามี)
11) สำเนาเอกสารหลักฐานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ใบเปลี่ยนชื่อ, ใบเปลี่ยนนามสกุล ฯลฯ
12) สำเนาหนังสือรับรองความเป็นโสดของคนต่างด้าว
13) หลักฐานแสดงฐานะของสามี
13.1 กรณีทำงานในประเทศไทย
หนังสือรับรองจากบริษัทผู้ว่าจ้าง(โดยระบุรายละเอียดเกี่ยวกับเงินเดือน เดือนละไม่น้อยกว่า 40,000 บาท)
สำเนาใบอนุญาตทำงานของคนต่างด้าว
หลักฐานการชำระภาษีเงินได้พร้อมใบเสร็จรับเงิน(ภ.ง.ด.1 3 เดือนล่าสุด และ ภ.ง.ด.91 ในรอบปีที่ผ่านมา) พร้อม
รับรองสำเนาถูกต้องจากกรมสรรพากร
หนังสือรับรองการจดทะเบียนบริษัท และบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นบริษัท(แบบ บอจ.5) หรือ
13.2 กรณีมีเงินฝากธนาคารในประเทศไทย (ออมทรัพย์/ประจำ)
หนังสือรับรองการมีเงินฝากจากธนาคารในประเทศไทย ณ ปัจจุบัน ไม่น้อยกว่า400,000 บาท
สำเนาสมุดบัญชีเงินฝากธนาคาร ณ วันยื่นคำขอ มีเงินฝากคงอยู่ในบัญชี ตลอดระยะเวลาย้อนหลัง2 เดือน ไม่น้อยกว่า
400,000 บาท หรือ
13.3 กรณีมีรายได้จากต่างประเทศ เช่น เงินบำนาญ ฯลฯ
หนังสือรับรองจากสถานทูต หรือสถานกงสุลในประเทศไทยของผู้ยื่นคำขอ แสดงการมีรายได้จากเงินบำนาญ หรือ
รายได้อื่น ไม่น้อยกว่า40,000 บาท ต่อเดือน หรือ 400,000 บาท ต่อปี พร้อมหลักฐานการโอนเงินรายได้จากต่างประเทศ
14) เอกสารอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น กรณีที่พักอาศัยไม่ตรงตามทะเบียนบ้าน ให้แสดงหลักฐานสัญญาเช่าฯ หรือหนังสือรับรองจากเจ้า
บ้านพร้อมแนบสำเนาทะเบียนบ้าน และบัตรประชาชนเจ้าบ้าน ฯลฯ
15) รูปถ่ายครอบครัว และที่พักอาศัย 4 รูป (หน้าบ้านให้เห็นบ้านเลขที่ 2 รูป, ในบ้าน 2 รูป)
16) รูปถ่ายสถานที่ทำงาน (กรณีแสดงหลักฐานการทำงานในประเทศไทย)
17) แผนที่บ้าน
หมายเหตุ1) ผู้ยื่นคำขอและคู่สมรส ต้องมาติดต่อด้วยตนเอง เพื่อมาให้ปากคำ
                2) ให้นำหลักฐานเอกสารตัวจริงมาแสดง และถ่ายเอกสารพร้อมรับรองสำเนาถูกต้องด้วยลายมือชื่อของผู้ยื่นคำขอ
กรณีจดทะเบียนสมรสในประเทศไทย กรณีจดทะเบียนสมรสในต่างประเทศ


รายการเอกสารประกอบขออยู่ต่อกรณีสามีไทย
1) แบบคำขอ (ตม.7) พร้อมติดรูปถ่าย จำนวน 1 รูป
2) บันทึกคำให้การ (หมายเลข 3)
3) ใบรับทราบเงื่อนไขการอนุญาตให้อยู่ต่อในราชอาณาจักร (แบบ สตม.2)
4) สำเนาหนังสือเดินทางให้ปรากฏหน้าที่มีรูปถ่าย และหน้าที่มีรอยตราประทับของเจ้าหน้าที่ตรวจคน
เข้าเมืองไทย
5) หลักฐานแสดงความสัมพันธ์
5.1 สำเนาใบสำคัญการสมรส (คร.3)
5.2 สำเนาทะเบียนสมรส (คร.2)
5.3 สำเนาทะเบียนสมรส
5.4 สำเนาทะเบียนฐานะแห่งครอบครัว (คร.22)
6) สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน (สามี)
7) สำเนาทะเบียนบ้าน (สามี)
8) เอกสารอื่นที่พิสูจน์ได้ว่ามีสัญชาติไทยจากส่วนราชการ หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
9) สำเนาสูติบัตรบุตร และทะเบียนบ้านบุตร (ถ้ามี)
10) สำเนาเอกสารหลักฐานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ใบเปลี่ยนชื่อ, ใบเปลี่ยนนามสกุล ฯลฯ
11) สำเนาหนังสือรับรองความเป็นโสดของคนต่างด้าว
12) เอกสารอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น กรณีที่พักอาศัยไม่ตรงตามทะเบียนบ้าน ให้แสดงหลักฐาน
สัญญาเช่าฯ หรือหนังสือรับรองจากเจ้าบ้านพร้อมแนบสำเนาทะเบียนบ้าน และบัตรประชาชนเจ้า
บ้าน ฯลฯ
13) รูปถ่ายครอบครัว และที่พักอาศัย 4 รูป (หน้าบ้านให้เห็นบ้านเลขที่ 2 รูป, ในบ้าน 2 รูป)
14) แผนที่บ้าน
หมายเหตุ1) ผู้ยื่นคำขอและคู่สมรส ต้องมาติดต่อด้วยตนเอง เพื่อมาให้ปากคำ
                 2) ให้นำหลักฐานเอกสารตัวจริงมาแสดง และถ่ายเอกสารพร้อมรับรองสำเนาถูกต้องด้วยลายมือ
ชื่อของผู้ยื่นคำขอ กรณีจดทะเบียนสมรสในประเทศไทย กรณีจดทะเบียนสมรสในต่างประเทศ

หมายเหตุ
1)    ผู้ยื่นคำขอและบุตร/ภรรยา/สามีผู้มีสัญชาติไทย ต้องมาติดต่อด้วยตนเอง เพื่อมาให้ปากคำ
2)    ให้นำหลักฐานเอกสารตัวจริงมาแสดง  และถ่ายเอกสารพร้อมรับรองสำเนาถูกต้องด้วยลายมือชื่อของผู้ยื่นคำขอ


















กรณีเป็นครอบครัวของคนต่างด้าวที่ ได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการ ชั่วคราวตามหลักเกณฑ์ข้อ 2.1, 2.2, 2.3
2.5 , 2.6, 2.7, 2.10, 2.12, 2.13, 2.14 ,2.15, 2.16, 2.17, 2.21, 2.22, 2.26, 2.29 ของคำสั่งนี้ หรือ มาตรา 34(7)
(เฉพาะบิดามารดา คู่สมรส บุตร บุตรบุญธรรม หรือบุตรของคู่สมรส)
หลักเกณฑ์การพิจารณา
1.     คนต่างด้าวต้องได้รับการตรวจลงตรา ประเภทคนอยู่ชั่วคราว
2.     มีหลักฐานแสดงความสัมพันธ์
3.     กรณีคู่สมรสต้องมีความสัมพันธ์กันทั้ง ทางนิตินัยและพฤตินัย หรือ
4.     กรณีบุตร บุตรบุญธรรม หรือบุตรของ คู่สมรสขออยู่ในความ อุปการะ บุตร
บุตรบุญธรรม หรือบุตรของคู่สมรสนั้น ต้องยังไม่ได้สมรส และอยู่อาศัยเป็นส่วนแห่งครัวเรือนนั้น
และต้องมีอายุไม่เกิน 20 ปี บริบูรณ์ หรือ
5.     กรณีบิดาหรือมารดา บิดาหรือมารดา นั้นต้องมีอายุตั้งแต่ ๕๐ ปีบริบูรณ์ขึ้นไป
เอกสารประกอบที่ต้องใช้
1.     แบบคำขอ ตม.7
2.     สำเนาหนังสือเดินทางของผู้ยื่นคำขอ
3.     สำเนาหนังสือเดินทางของคนต่างด้าวที่ ได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรฯ
4.     สำเนาเอกสารแสดงความสัมพันธ์กัน เช่น
หลักฐานการสมรส สำเนาสูติบัตร หลักฐาน การจดทะเบียนรับรองบุตร สำเนาทะเบียนบ้าน หลักฐานการจดทะเบียนรับบุตรบุญธรรม หรือ
หลักฐานอื่นจากส่วนราชการหรือหน่วยงานที่ เกี่ยวข้อง
กรณีใช้ชีวิตในบั้นปลาย
หลักเกณฑ์การพิจารณา
  1. คนต่างด้าวต้องได้รับการตรวจลงตรา ประเภทคนอยู่ชั่วคราว
  2. มีอายุตั้งแต่ 50 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป
  3. มีหลักฐานการมีเงินได้ไม่น้อยกว่า เดือนละ 65,000 บาท หรือ
  4. ณ วันยื่นคำขอมีเงินฝากในธนาคารในประเทศไทย (ประเภทออมทรัพย์ธรรมดา / ประจำ) คงอยู่ในบัญชีตลอดระยะ
    เวลาย้อนหลัง 3 เดือน ไม่น้อยกว่า 800, 000 บาท เฉพาะในปีแรกให้แสดงบัญชีเงิน
    ฝากโดยมีเงินจำนวนดังกล่าวฝากอยู่ในบัญชี
    มาแล้วไม่น้อยกว่า 60 วัน หรือ
  5. มีเงินได้ในรอบปี และมีเงินฝากธนาคาร คำนวณรวมกันได้ไม่น้อยกว่า 800,000 บาท
    นับถึงวันยื่นคำขอ
  6. คนต่างด้าว ซึ่งเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรก่อนวันที่ 21 ตุลาคม 2541
    และได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร เพื่อใช้ชีวิตในบั้นปลายต่อเนื่องตลอดมา
    ให้ใช้หลักเกณฑ์ดังนี้
    (ก) อายุ 60 ปีขึ้นไป และมีรายได้ที่ แน่นอน โดยมีเงินฝากคงอยู่ในบัญชีตลอด ระยะเวลาย้อนหลัง 3 เดือน ไม่น้อยกว่าปีละ 2000,000 บาท
    หรือ มีรายได้ไม่น้อยกว่า เดือนละ 20,000บาท
    (ข) อายุไม่ถึง 60 ปี แต่ไม่น้อยกว่า 55 ปี ต้องมีรายได้ที่แน่นอนโดยมีเงินฝากคงอยู่ใน บัญชีตลอดระยะเวลาย้อนหลัง 3 เดือน
    ไม่น้อยกว่าปีละ 500,000 บาท หรือ มีรายได้ไม่น้อยกว่าเดือนละ 50,000 บาท
เอกสารประกอบที่ต้องใช้
  1. แบบคำขอ ตม.7
  2. สำเนาหนังสือเดินทางของผู้ยื่นคำขอ
  3. หลักฐานแสดงการมีเงินได้ เช่น เงินบำนาญ หรือการได้รับดอกเบี้ย หรือเงินปันผล เป็นต้น และ / หรือ
  4. หนังสือรับรองการมีเงินฝากจากธนาคารในประเทศไทย (ประเภทออมทรัพย์ธรรมดา / ประจำ) และสำเนาบัญชีธนาคาร
  5. เฉพาะกรณีตามหลักเกณฑ์ข้อ (6) ให้แสดง เอกสารเช่นเดียวกับข้อ 1 – 4 ข้างต้น
กรณีB.O.I. , การนิคมฯ , กรมเชื้อเพลิง , รับรอง
เอกสารประกอบที่ต้องใช้
  1. แบบฟอร์ม ตม.7 ( ค่าธรรมเนียม 1,900 บาท)
  2. แบบฟอร์ม ตม.8 ( ค่าธรรมเนียม S= 1,000 บาท, M=3,800 บาท )
  3. รูปถ่าย ขนาด 4 x 6 ซม. ถ่ายไม่เกิน 6 เดือน จำนวน 2 รูป
  4. หนังสือรับรองจาก B.O.I. , การนิคมอุตสาหกรรม , กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ
  5. สำเนาหนังสือเดินทาง พร้อมหนังสือเดินทางฉบับจริง
    -ใช้หน้าที่มีรูปถ่าย
    - หน้าวีซ่า Non ครั้งแรก
    - การเดินทางครั้งแรกของ Non
    - หน้าวีซ่า ที่ได้รับการอนุญาตครั้งสุดท้าย
    - หน้า Re-Entry สุดท้าย
    - หน้าการเดินทางเข้าประเทศครั้งสุดท้าย
    - บัตร ตม.6
  6. แบบฟอร์ม สตม.2 ( การรับทราบเงื่อนไขการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร )
หมายเหตุ
ติดต่อที กองกำกับการ 3 กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 1
อาคารจัตุรัสจามจุรี ชั้น 18 เลขที่ 319 ถ.พญาไท
เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ โทร. 0-22090-1100 ต่อ 1016
กรณีปฏิบัติหน้าที่สื่อมวลชนโดยได้รับการอนุญาตจากทางราชการ
เอกสารประกอบที่ต้องใช้
1.     แบบฟอร์ม ตม.7 พร้อมรูปถ่ายขนาด 4 x 6 ซม. จำนวน 1 รูป
2.     สำเนาหนังสือเดินทางของผู้ยื่นขออยู่ต่อ
3.     สำเนาหนังสือเดินทางของคนต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร
4.     สำเนาเอกสารแสดงความสัมพันธ์กัน เช่น หลักฐานการจดทะเบียนสมรส สำเนาสูติบัตร
หลักฐานการจดทะเบียนรับรองบุตร สำเนาทะเบียนบ้าน หลักฐานการจดทะเบียนรับบุตรบุญธรรม
หรือหลักฐานอื่นจากส่วนราชการ หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ติดต่อที กองกำกับการ 3 กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 1
อาคารจัตุรัสจามจุรี ชั้น 18 เลขที่ 319 ถ.พญาไท
เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ โทร. 0-22090-1100 ต่อ 1016
เอกสารประกอบการยื่นขอรับหรือการขอเปลี่ยนประเภทการตรวจลงตราเพื่อทำงานในบริษัท, หจก. รหัส B
(อนุญาตไม่เกิน 90 วัน โดยต้องมีระยะเวลาเหลืออยู่ไม่น้อยกว่า 15 วัน ถ้าอยู่เกินไม่สามารถยื่นคำร้องได้)

1. แบบคำร้องขอเปลี่ยนประเภทการตรวจลงตรา (แบบ ตม.86 เฉพาะคนต่างด้าวที่มี Tourist  Visa และ Transit Visa) หรือ
   แบบคำร้องขอรับการตรวจลงตรา   (แบบ ตม.87 เฉพาะ ผ.15, ผ.30,ผผ.30 และ  ผผ.90 เฉพาะคนต่างด้าวที่ไมีมีวีซ่า)

2. สำเนาหนังสือเดินทาง (ถ่ายเอกสารหน้าที่มีข้อมูลส่วนตัว , รอยการตรวจลงตรา , ตราขาเข้า , รอยตราอนุญาตการขออยู่ต่อฯ(ถ้ามี) , บัตร ตม.6)

3. รูปถ่ายขนาด 4 x 6 ซ.ม. หรือขนาด 2 นิ้ว จำนวน 1 รูป

4. ค่าธรรมเนียม 2,000 บาท

5. หนังสือชี้แจงเหตุผลความจำเป็นการจ้างงานคนต่างด้าว และขอความร่วมมือในการขอรับ หรือขอเปลี่ยนประเภทการตรวจลงตรา (มีชื่อ, ตำแหน่ง, ความรู้ความสามารถและขอเปลี่ยน วีซ่าจาก ผ.30 หรือ TR เป็น NON-B) (เรื่อง ขอรับหรือขอเปลี่ยนประเภทการตรวจลงตรา/เรียน ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง)

6. หนังสือรับรองการจ้าง (ตามแบบของกรมการจัดหางาน)

7. สำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคล (แสดงฉบับจริง)

8. สำเนาใบสำคัญการจดทะเบียนนิติบุคคล (แสดงฉบับจริง)

9. สำเนาใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม และบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น (ภพ.01 + หนังสือบริคณห์สนธิการเพิ่มทุน) (แสดงฉบับจริง)

10. สำเนางบการเงินปีล่าสุด รับรองจากกระทรวงพาณิชย์ หรือกรมสรรพากร (กรณียื่นฉบับสำเนาต้องให้กรรมการลงนามและประทับตราบริษัท/หจก. ทุกฉบับ)

11. สำเนารายการภาษีเงินได้นิติบุคคล (ภ.ง.ด.50) รับรองจากกระทรวงพาณิชย์หรือกรมสรรพากร (กรณียื่นฉบับสำเนาต้องให้กรรมการลงนามและประทับตราบริษัท/หจก. ทุกฉบับ)

12. สำเนาหลักฐานการศึกษาและหลักฐานการผ่านงานของคนต่างด้าว ผ่านการรับรองจากสถานทูตและ กองนิติกรณ์ กระทรวงการต่างประเทศ (0-2575-1056-9)

13. สำเนารายการภาษีเงินได้นิติบุคคลธรรมดาของพนักงานคนไทย (ภ.ง.ด.1)(ย้อนหลัง 3 เดือน พร้อมแนบรายชื่อพนักงานคนไทยทั้งหมด)

14. หนังสือขอความร่วมมือจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน, การนิคมอุตสาหกรรมหรือการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย (กรณีได้รับการส่งเสริม BOI)

15. แสดงรูปภาพของบริษัทถ่ายให้เห็นอาคาร ป้ายชื่อบริษัท สภาพการทำงานที่มีพนักงานกำลังปฏิบัติงาน, โต๊ะทำงานภายในบริษัท หรือ อาคาร หรือโกดัง ซึ่งแสดงให้เห็นลักษณะงาน 6 – 7 ภาพ

16. หากใน ภ.ง.ด.50 (หน้า 5 บรรทัดที่3 ) ไม่มีค่าน้ำ ค่าไฟ ให้แสดงสัญญาเช่า บิลน้ำมัน ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์

17. แผนที่บริษัท
หมายเหตุ
1. เอกสารของผู้ยื่นคำขอ ให้ผู้ยื่นคำขอลงนามรับรองทุกแผ่นทุกหน้า
2. เอกสารของบริษัทฯ หรือห้างฯ กรรมการผู้มีอำนาจตามหนังสือรับรองการจดทะเบียน หรือ หุ้นส่วนผู้จัดการลงนามรับรองทุกหน้าทุกแผ่นแล้วประทับตราบริษัทฯ หรือห้างฯ เป็นสำคัญ
3. ในการยื่นเอกสารเพื่อขอเปลี่ยนประเภทการตรวจลงตรา กรุณานำเอกสารมายื่นให้ครบและยื่นเอกสารฉบับจริงทุกฉบับต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ เพื่อความสะดวกรวดเร็วในการตรวจสอบและดำเนินการ
4. หากมีข้อสงสัยโปรดติดต่อสอบถาม โทร. 0-2141-9902-3

การแจ้งพ้นหน้าที่ของคนต่างด้าว
เมื่อคนต่างด้าวได้รับอนุญาตให้ อยู่ในราชอาณาจักรแล้ว จะต้องปฏิบัติหน้าที่ หรืออยู่ตามเหตุผลที่ร้องขอ
ตามที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น หากมีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ เกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่
(เปลี่ยนแปลงนิติบุคคลซึ่งเป็นนายจ้าง หรือ พ้นหน้าที่) หรือเปลี่ยนเหตุผลการขออยู่ต่อในราชอาณาจักรแตกต่าง
ไปจากที่ร้องขอการอนุญาตให้อยู่ต่อในราชอาณาจักรดังกล่าวจะสิ้นสุดลงทันที และจะต้องถูกดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้รวมถึงครอบครัวผู้ใช้สิทธิติดตามด้วย
- รายการเอกสารประกอบการแจ้งยกเลิกวีซ่า
กรณีเปลี่ยนแปลงนิติบุคคลซึ่งเป็นนายจ้าง หรือพ้นหน้าที่
(เลิกจ้าง/ออกจากงาน) ณ กก.2 บก.ตม.1 มีดังนี้
1.จดหมาย ถึงสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เพื่อแจ้งคนต่างด้าวพ้นหน้าที่
(โดยจะต้องระบุวันที่ออกจากงานให้ชัดเจน หากไม่ระบุวันที่ออกจากงาน
จะถือว่าออกจากงานตามวันที่ที่ออกจดหมาย)
ลงนามโดยกรรมการผู้มีอำนาจลงชื่อผูกพันบริษัท หรือห้างหุ้นส่วนจำกัด
2. สำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียนบริษัท หรือการจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนจำกัด
ฉบับนายทะเบียนรับรองไม่เกิน 6 เดือน
3. สำเนาบัตรประชาชน หรือสำเนาหนังสือเดินทางของกรรมการ
ผู้มีอำนาจลงชื่อผูกพันบริษัท พร้อมลงชื่อกำกับรับรองสำเนาถูกต้อง
4. หนังสือเดินทางของคนต่างด้าวผู้พ้นหน้าที่
(เจ้าหน้าที่ต้องประทับตราพ้นหน้าที่ในเล่มหนังสือเดินทางดังกล่าว)
หมายเหตุ :
ทั้งนี้การแจ้งพ้นหน้าที่ (ยกเลิกวีซ่า)จะทำให้การอนุญาตอยู่ต่อในราชอาณาจักรสิ้นสุดลงทันที
จะต้องมาติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อแจ้งพ้นหน้าที่ในวันที่เลิกจ้าง
(วันสุดท้ายของการทำงาน) และกรุณาติดต่อแจ้งยกเลิกวีซ่ากับ
ด่นตรวจคนเข้าเมืองเดิม ที่ท่านได้เคยยื่นคำร้องขออยู่ต่อในราชอาณาจักรไว้
อัตราค่าปรับกรณีคนต่างด้าวอยู่เกินกำหนดที่ได้รับอนุญาต
บันทึกคณะกรรมการเปรียบเทียบตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒(ฉบับที่ ๖) พ.ศ.๒๕๔๙ 
เรื่องมอบอำนาจให้พนักงานเจ้าหน้าที่ดำเนินการเปรียบเทียบ
ให้ดำเนินการเปรียบเทียบปรับตามจำนวนวันที่คนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาต
สิ้นสุดหรือถูกเพิกถอน วันละ ๕๐๐ บาท แต่เมื่อรวมกันแล้วไม่เกิน ๒๐,๐๐๐ บาท





TAGS:

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น